รวมศิลปิน นักร้อง เพลงฮิตติดกระแสทั่วโลก

ฟันปลอมมีกี่แบบ เลือกใช้ฟันปลอมแบบไหนดีแต่ละแบบราคาเท่าไหร่

ฟันปลอม คือ

Denture

ฟันปลอม คือ ฟันเทียมที่ใช้ทดแทนฟันจริงที่สูญเสียไป ไม่ว่าจะเพราะอายุ อุบัติเหตุ หรือโรคในช่องปาก เช่น โรคปริทันต์ ฟันผุ หรือการถอนฟัน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถ บดเคี้ยว พูด และยิ้ม ได้อย่างมั่นใจเหมือนมีฟันธรรมชาติและ ฟันปลอมมีกี่แบบ กันหล่ะ ไปดู

ตอนที่ 1 : ถ้าไม่ใส่ฟันปลอมจะเป็นยังไง

ตอนที่ 2 : ประเภทของ ฟันปลอมมีกี่แบบ

ตอนที่ 3 : ขั้นตอนการทําฟันปลอม

ตอนที่ 4 : การดูแล ฟันปลอมมีกี่แบบ

ตอนที่ 5 :  สรุป

ถ้าไม่ใส่ฟันปลอมจะเป็นยังไง

Denture

ถ้าไม่ใส่ ฟันปลอม หลังจากสูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะเป็นบางซี่หรือทั้งปาก จะเกิดผลกระทบหลายด้าน ทั้งต่อสุขภาพช่องปาก สุขภาพร่างกาย และบุคลิกภาพเลยครับ

ผลกระทบของการไม่ใส่ฟันปลอม

1.) ฟันข้างเคียงล้มเอียง

ฟันซี่ที่อยู่ข้างๆ หรือฟันคู่สบจะค่อยๆ ล้มลงหรือเคลื่อนที่เข้ามาในช่องว่าง ทำให้การสบฟันผิดปกติ ส่งผลต่อการบดเคี้ยว และอาจทำให้ปวดขากรรไกรในระยะยาว

2.) โครงหน้าเปลี่ยน 

หากไม่มีฟันนานๆ โดยเฉพาะฟันหลังหรือฟันหน้า โครงหน้าจะเริ่มยุบลง แก้มตอบ ปากยุบ ดูมีอายุ และบุคลิกภาพก็จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

3.) เคี้ยวอาหารลำบาก 

ขาดฟัน = เคี้ยวอาหารไม่ได้เต็มที่ = อาจต้องกลืนอาหารทั้งๆ ที่ยังไม่ละเอียด ซึ่งเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน หรืออาหารไม่ย่อย

4.) พูดไม่ชัด พูดลำบาก 

โดยเฉพาะหากฟันหน้าหายไป จะออกเสียงบางคำยากขึ้น เช่น เสียง ฟ / ส  หรือ ว ทำให้พูดไม่ชัด หรือต้องพยายามควบคุมเสียงมากขึ้น 

ฟันปลอม

5.) เสียบุคลิก / ขาดความมั่นใจ

การไม่มีฟันทำให้บางคนไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าหัวเราะ พูดคุยกับคนอื่น หรือถ่ายรูป ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจในชีวิตประจำวัน 

6.) เกิดแผลและการกดทับของเหงือก

 เมื่อไม่มีฟันและยังใช้เหงือกบดเคี้ยว อาจทำให้เกิดแรงกดที่เหงือกโดยตรง ทำให้เหงือกบวม เจ็บ หรือเกิดแผลได้ง่าย 

7.) กระดูกขากรรไกรยุบตัว 

เมื่อไม่มีฟัน กระดูกบริเวณนั้นจะไม่ได้รับแรงกระตุ้นจากการเคี้ยว ส่งผลให้กระดูกค่อยๆ สลายหรือยุบตัวลง ทำให้ใส่ฟันปลอมในอนาคตยากขึ้น และต้องผ่าตัดปลูกกระดูกเพิ่ม

ประเภทของ ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมมีกี่แบบ ทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ซึ่งแต่ละแบบมีลักษณะการใช้งาน ความสะดวก และราคาที่แตกต่างกันไป โดยสามารถเลือกให้เหมาะสมกับสุขภาพช่องปาก งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้เลยครับ

1.) ฟันปลอมแบบถอดได้ (Removable Dentures) * ราคาถูกที่สุด

ลักษณะ: สามารถถอดเข้า-ออกได้ เหมาะกับผู้ที่ฟันหลุดหลายซี่หรือทั้งปาก มี 2 ประเภท 

  1. ฟันปลอมบางส่วน (Partial Dentures) : ใช้เมื่อยังมีฟันธรรมชาติหลงเหลือ 
  2. ฟันปลอมทั้งปาก (Full Dentures) : สำหรับผู้ที่ไม่มีฟันเหลือเลย

อายุการใช้งาน : อายุ  3 – 5 ปี

ราคา : 

  • บางส่วนใช้แทนฟันบางซี่ ราคา 1,500 – 5,000 / ข้าง 
  • ทั้งปาก บนหรือล่างทั้งแผง ราคา 4,000 – 10,000 / ขากรรไกร  
  • วัสดุยืดหยุ่น (แบบนิ่ม) ใส่สบาย ดูเป็นธรรมชาติ ราคา 7,000 – 15,000 / ข้าง

ข้อดี

  • ราคาถูกกว่าแบบอื่น ถอดล้างทำความสะอาดง่าย 

ข้อเสีย

  • อาจหลวม เคลื่อนตัวได้ ต้องปรับตัวในการพูดและเคี้ยวในช่วงแรก

2.) ฟันปลอมแบบติดแน่น (Fixed Dentures / สะพานฟัน)

ลักษณะ: ยึดติดถาวรกับฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างๆ บริเวณฟันที่หายไป 

เหมาะกับ: ผู้ที่มีฟันธรรมชาติแข็งแรงพอจะใช้เป็นหลักยึด

อายุการใช้งาน : อายุ  5 – 10 ปี

ราคา : 

  • สะพานฟันโลหะเคลือบพอร์ซเลนแบบพื้นฐานทั่วไป ราคา 8,000 – 15,000 / ซี่ 
  • สะพานฟันเซรามิกทั้งชิ้น สวยงามเหมือนฟันจริง ราคา 12,000 – 25,000 / ซี่ 
  • สะพานฟันเซอร์โคเนีย แข็งแรง ทนทานสูง ราคา 18,000 – 35,000 / ซี่

ข้อดี

  • ใกล้เคียงฟันจริงมาก ไม่ต้องถอดออก เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งยาก

ข้อเสีย

  • ต้องกรอฟันข้างเคียงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟันปลอมถอดได้
ฟันปลอม

3.) ฟันปลอมแบบรากเทียม (Dental Implants) *ราคาแพงที่สุด

ลักษณะ: ฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกร แล้วติดฟันปลอมบนรากเทียม เป็นฟันปลอมที่ใกล้เคียงฟันจริงที่สุด

อายุการใช้งาน : 10 – 25 ปี หรือมากกว่า

ราคา : 

  • รากเทียม 1 ซี่ (รวมครอบฟัน) รากไทเทเนียม + ครอบฟัน ราคา 40,000 – 80,000 / ซี่ 
  • รากเทียมทั้งขากรรไกร 4 ราก + ครอบทั้งแผง ราคา 180,000 – 300,000 / ขากรรไกร 
  • รากเทียมทั้งปาก 6-8 ราก + ครอบเต็ม ราคา 300,000 – 600,000 ขึ้นไป

ข้อดี

  • แข็งแรง ทนทาน ใช้ได้นานหลายปี 
  • ไม่กระทบกับฟันซี่อื่น 
  • ดูเป็นธรรมชาติ ใช้งานได้เหมือนฟันจริง

ข้อเสีย

  • ราคาสูงที่สุดในทั้ง 3 แบบ 
  • ต้องผ่าตัดฝังราก ใช้ระยะเวลารักษา

ขั้นตอนการทําฟันปลอม

การทำ ฟันปลอมมีกี่แบบ เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความแม่นยำ และควบคุมโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งขั้นตอนจะขึ้นอยู่กับประเภทของฟันปลอมที่ทำ เช่น แบบถอดได้, ติดแน่น, หรือรากฟันเทียม แต่โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการทำฟันปลอมมีลำดับดังนี้

  1. การตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
  2. การพิมพ์ปาก
  3. การเตรียมช่องปาก (ถ้ามี)
  4. การทดลองใส่ฟันปลอมเบื้องต้น
  5. การผลิตฟันปลอมจริง
  6. การใส่ฟันปลอมครั้งแรก
  7. การนัดติดตามและปรับแก้

ระยะเวลาในการทำ ฟันปลอมมีกี่แบบ

  • แบบฟันปลอมถอดได้: 2–4 สัปดาห์ 
  • ฟันปลอมติดแน่น (สะพานฟัน): 3–6 สัปดาห์
  • รากเทียม + ฟันปลอม: อาจนานถึง 3–6 เดือน (ขึ้นกับกระบวนการฝังราก)

การดูแล ฟันปลอมมีกี่แบบ

ดูแลฟันปลอม

การดูแลฟันปลอมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ฟันปลอมของคุณใช้งานได้นาน อยู่ในสภาพดีและไม่ทำให้ช่องปากเกิดปัญหาอื่นๆตามมา ไม่ว่าคุณจะใส่ ฟันปลอมแบบถอดได้ หรือ แบบติดแน่น การดูแลก็สำคัญทั้งสิ้น มาดูกันเลยว่าแต่ละแบบต้องดูแลยังไงบ้าง

การดูแลฟันปลอมแบบถอดได้

  • ถอดล้างหลังอาหารทุกครั้ง : เพื่อป้องกันเศษอาหารหมักหมมและกลิ่นปาก 
  • ทำความสะอาดด้วยแปรงขนนุ่ม : ใช้แปรงฟันขนนุ่มเฉพาะสำหรับฟันปลอม และใช้สบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมโดยเฉพาะ (หลีกเลี่ยงยาสีฟันเพราะกัดกร่อนเนื้อฟันปลอมได้) 
  • แช่ในน้ำหรือน้ำยาฟันปลอมตอนกลางคืน : เพื่อป้องกันการแห้งกรอบและเสียรูปทรง (ยกเว้นกรณีที่หมอแนะนำให้ใส่ทั้งคืน) 
  • ล้างก่อนใส่เข้าปากทุกครั้ง : เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคราบสบู่หรือสิ่งแปลกปลอมหลงเหลือ 
  • หมั่นตรวจสุขภาพช่องปาก : พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อปรับหรือซ่อมแซมหากฟันปลอมหลวม หรือกดทับเหงือก

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • ห้ามใช้น้ำร้อนแช่ฟันปลอม
  • อย่าใช้ของมีคมขูดคราบ
  • อย่านอนใส่ฟันปลอม (ถ้าไม่จำเป็น)

การดูแลฟันปลอมแบบติดแน่น

  • แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง : ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์และแปรงขนนุ่ม 
  • ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน : โดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานฟันหรือรอบครอบฟัน 
  • น้ำยาบ้วนปากลดแบคทีเรีย : ช่วยเสริมความสะอาดในจุดที่แปรงเข้าไม่ถึง 
  • พบหมอฟันสม่ำเสมอ : ตรวจสอบว่าฟันปลอมยังแน่น ไม่กดเหงือก หรือไม่สะสมคราบหินปูน

สรุป

ฟันปลอมไม่ใช่แค่ทางเลือกเพื่อความสวยงาม แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ทั้งด้านการกิน การพูด และความมั่นใจ การเลือกฟันปลอมที่เหมาะสม ควบคู่กับการดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน และคุ้มค่ากับการลงทุนสุขภาพในระยะยาว